บรรจุภัณฑ์
ผู้มีส่วนได้เสียหลัก : ผู้ถือหุ้น / คู่ค้า / ลูกค้าและผู้บริโภค / ภาครัฐและภาคประชาสังคม / ชุมชน
บรรจุภัณฑ์เป็นสิ่งช่วยปกป้องผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม และเป็นสิ่งที่ทำให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นจะสามารถส่งต่อถึงมือผู้บริโภคอย่างมีคุณภาพ และปลอดภัย บรรจุภัณฑ์ยังช่วยบ่งบอกถึงรายละเอียดข้อมูลโภชนาการและแหล่งกำเนิดของผลิตภัณฑ์ แต่เมื่อผลิตภัณฑ์ถูกบริโภคแล้ว สิ่งที่เหลือไว้คือบรรจุภัณฑ์ที่กลายเป็นขยะซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ทั่วโลกให้ความกังวล หากไม่ได้รับการบริหารจัดการที่ดีอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงส่งผลต่อสุขภาพมนุษย์อีกด้วย
ในปี 2564 ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องกฎหมายที่สำคัญครั้งใหญ่ในการอนุญาตให้ใช้ภาชนะบรรจุที่ทำจากพลาสติกรีไซเคิลสามารถนำมาใช้เป็นภาชนะบรรจุอาหารได้ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญต่อผู้มีส่วนได้เสียต่อทั้งผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ ในการพัฒนาและนำบรรจุภัณฑ์รีไซเคิลมาใช้ในการบรรจุสินค้า โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อาหาร รวมถึงเป็นโอกาสในการเข้าถึงบรรจุภัณฑ์ยั่งยืนสำหรับผู้บริโภค นอกจากนี้ภาครัฐ หน่วยงานราชการท้องถิ่น ผู้รับกำจัดทั้งเอกชนและท้องถิ่น ก็จำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการจัดเตรียมสาธารณูปโภคสำหรับเก็บขน คัดแยก ใช้ซ้ำ รวมถึงการรีไซเคิล เพื่อให้สามารถตอบสนองแนวคิดระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ร่วมกันได้
แนวทางการบริหารจัดการ
กลุ่มมิตรผลมีแนวทางในการพัฒนาเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ที่ตอบสนองแนวคิดระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ลดการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (Single-use Plastic) และเพิ่มการใช้บรรจุภัณฑ์แบบที่ใช้ซ้ำได้ (Reusable Packaging) ให้มากขึ้น ส่งเสริมการใช้วัสดุย่อยสลายได้ และวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ (Compostable and Recyclable Packaging) รวมถึงส่งเสริมการนำวัสดุที่ผ่านการรีไซเคิลมาใช้ในการทำบรรจุภัณฑ์ (Recycled Packaging) ที่ไม่สัมผัสอาหารโดยตรง เพื่อลดการใช้วัสดุใหม่
นอกจากนี้เรายังมีการกำหนดเป้าหมายในการขยายการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยในปี 2568 บรรจุภัณฑ์น้ำตาลทั้งหมด (100%) จะต้องถูกออกแบบให้สามารถนำมาใช้ซ้ำ นำกลับมารีไซเคิลใช้ใหม่ หรือย่อยสลายได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเรามีความมุ่งมั่นในการดำเนินการด้านบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
คลิกเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ “นโยบายด้านบรรจุภัณฑ์”
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ
1. การพัฒนาบรรจุภัณฑ์พลาสติก และใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
กลุ่มมิตรผลมีแนวทางในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ โดยใช้บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ทั้งหมด (Monolayer) และใช้บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ (Compostable Packaging) ซึ่งผลิตมาจากกระดาษเคลือบด้วยพลาสติกที่ย่อยสลายได้ ซึ่งกระดาษที่ใช้ทำจากเยื่อไม้ที่มาจากแหล่งที่ปลูกทดแทน โดยมีการใช้บรรจุภัณฑ์ทั้งสองประเภทนี้คิดเป็น 95% ของบรรจุภัณฑ์พลาสติกทั้งหมด
สำหรับบรรจุภัณฑ์กระดาษ บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะใช้บรรจุภัณฑ์กระดาษที่ผลิตจากเยื่อกระดาษรีไซเคิล และบรรจุภัณฑ์กระดาษที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล โดยมีการใช้บรรจุภัณฑ์กระดาษเป็นบรรจุภัณฑ์ชั้นนอก ในปี 2565 มีการใช้บรรจุภัณฑ์กระดาษที่ผลิตจากเยื่อกระดาษรีไซเคิล และได้การรับรองตามมาตรฐานสากล คิดเป็น 94% ของบรรจุภัณฑ์กระดาษทั้งหมด
บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุที่สามารถนำมาใช้ได้ทั้งหมด (Monolayer) ซึ่งสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ |
บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุที่สามารถย่อยสลายได้ |
2. การลดปริมาณการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก
บริษัทได้จัดส่งน้ำเชื่อมจำนวน 210,000 ตัน และจัดส่งน้ำตาลทรายจำนวน 47,000 ตัน ให้กับลูกค้าโดยแทงค์คาร์ ซึ่งสามารถลดปริมาณการใช้ถุงบรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับน้ำเชื่อมจำนวน 200 ล้านถุง และถุงบรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับน้ำตาลทรายจำนวน 47 ล้านถุง ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการนำถุงพลาสติกไปฝังกลบ 322 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า นอกจากนี้ บริษัทยังมีการนำภาชนะบรรจุกลับมาใช้ซ้ำ ซึ่งสามารถลดการใช้พลาสติก 3,000 ตัน/ปี
3. ลดความหนาของวัสดุที่ใช้ทำบรรจุภัณฑ์ลง
|
|
4. ร่วมมือกับภาครัฐในการวิจัยบรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้
กลุ่มมิตรผลได้ทำการวิจัยร่วมกับหน่วยงานสำนักงานอ้อยและน้ำตาลทราย เพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ ซึ่งผลิตมาจากกระดาษเคลือบพลาสติกที่ย่อยสลายได้ ซึ่งผลิตจากอ้อยเป็นส่วนประกอบ และมีการนำไปให้ผู้บริโภคทดลองใช้ เพื่อสนับสนุนการใช้วัสดุย่อยสลายได้