ความหลากหลายทางชีวภาพ
ผู้มีส่วนได้เสียหลัก : ภาครัฐและภาคประชาสังคม / คู่ค้า / พนักงาน / ชุมชน
พื้นดิน (Earth’s Land) และมหาสมุทร เป็นแหล่งสะสมคาร์บอนทางธรรมชาติ (Natural Carbon Sinks) ที่สามารถดูดซับก๊าซเรือนกระจกจำนวนมาก การอนุรักษ์ ฟื้นฟูพื้นที่ธรรมชาติ และมหาสมุทร นอกจากช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพแล้วยังรักษาแหล่งกักเก็บก๊าซเรือนกระจกทางธรรมชาติ ซึ่งมีส่วนช่วยลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สาเหตุสำคัญของการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ เกิดจากการใช้ที่ดินของมนุษย์ เพื่อผลิตอาหาร เมื่อพื้นดินถูกเปลี่ยนแปลงเป็นการใช้ประโยชน์ทางเกษตรกรรม ส่งผลให้ชนิดพันธุ์ของพืชและสัตว์ที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวสูญหายไปเนื่องจากสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัย และอาจเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ยังเป็นปัจจัยสำคัญต่อการลดลงของความหลากหลายทางชีวภาพ เพราะส่งผลต่อเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศทางทะเล บนบก และน้ำจืด ทำให้เกิดการสูญเสียสายพันธุ์ท้องถิ่น การระบาดของโรค หรือการเกิดเชื้อโรคเพิ่มขึ้น เป็นสาเหตุให้เกิดการตายของพืชและสัตว์จำนวนมาก และคาดว่าเป็นสาเหตุของการสูญพันธุ์ครั้งแรก
กลุ่มมิตรผลให้ความสำคัญในการดําเนินธุรกิจที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ พร้อมสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งพนักงาน ภาครัฐ ประชาสังคม และชุมชน ในการดูแลและจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ และระบบนิเวที่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต
แนวทางการบริหารจัดการ
การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพของทุกพื้นที่ปฎิบัติงาน และตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยระบุประเด็นด้านความหลากหลายทางชีวภาพให้เป็นหนึ่งของกรอบการดำเนินงาน เรื่องการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถดำเนินงานได้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพ โดยอยู่ภายใต้นโยบายความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม
สำหรับการดำเนินด้านสิ่งแวดล้อมระบุให้มีการพิจารณาประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมในการดำเนินงาน และจัดทำมาตรการป้องกันเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และไม่ให้เกิดความสูญเสียต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ดังแสดงไว้ในคำแสดงเจตจำนงด้านการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพของบริษัท โดยการดำเนินงานด้านความหลากหลายทางชีภาพได้เป็นไปตามหลักการบรรเทาผลกระทบตามลำดับขั้น (Mitigation Hierarchy Principle) ซึ่งประกอบด้วยการป้องกัน หลีกเลี่ยง บรรเทา ฟื้นฟู และชดเชยผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมต่อความหลากหลายทางชีวภาพตลอดห่วงโซ่คุณค่า
คลิกเพื่อดูคำแสดงเจตจำนงด้านการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ
คลิกเพื่อดูนโยบายความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม
คลิกเพื่อดูกรอบการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนของกลุ่มมิตรผล
สำหรับคู่ค้าทางตรงและอ้อมจะต้องปฏิบัติตามจรรยาบรรณคู่ค้ามิตรผล ซึ่งมีความสอดคล้องกับการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเขตอนุรักษ์และความหลากหลายชีวภาพเช่นกัน
เป้าหมายในการดำเนินงาน
1. ไม่ก่อให้เกิดความสูญเสียคุณค่าด้านความหลากหลายทางชีวภาพสุทธิ (No Net Loss: NNL) ภายใต้ขอบเขตที่บริษัท ดำเนินการได้ ภายในปี 2573 |
2. รักษาพื้นที่สีเขียวภายในโรงงานไม่น้อยกว่า ร้อยละ 5 ของพื้นที่โรงงาน |
3. เพิ่มพื้นที่สีเขียวด้วยการปลูกต้นไม้ อย่างน้อย 4 ล้านต้น ภายในปี 2575 ในพื้นที่บริษัท พื้นที่ชาวไร่ พื้นที่ป่าสงวน และป่าชุมชน |
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ
การจัดประเมินความเสี่ยงด้านความหลากหลายทางชีวภาพ
บริษัทมีการประเมินความเสี่ยงด้านความหลากหลายทางชีวภาพ และแนวทางการจัดการด้านความหลากหลายชีวภาพดังนี้
1. ประเมินความใกล้เคียงของพื้นที่ตั้งโรงงาน
ประเมินความใกล้เคียงของพื้นที่ตั้งโรงงานกับพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญตามการกำหนดในประเทศไทยและองค์กรระหว่างประเทศผ่านการใช้เครื่องมือของหน่วยงานต่างๆ เช่น แผนที่ป่าสงวนแห่งชาติของกรมป่าไม้ แผนที่ Thailand Biodiversity Network เป็นต้น รวมทั้งใช้ภาพถ่ายดาวเทียมและภาพถ่ายทางอากาศจากอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรนในการประเมินความใกล้เคียงของไร่บริษัท และไร่ของเกษตรกรกับพื้นที่ป่า
2. ตรวจติดตามความหลากหลายทางชีวภาพตามมาตรการ
มีการตรวจติดตามความหลากหลายทางชีวภาพตามมาตรการที่กำหนดในโครงการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และจัดส่งรายงานให้กับสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เพื่อให้การดำเนินโครงการสอดคล้องกับมาตรการทางกฎหมายสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535
ซึ่งจากการประเมินความใกล้เคียงของพื้นที่ตั้งโรงงานกับพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพของบริษัททั้งหมด 53 พื้นที่ตั้งโรงงาน (12,135.4 เฮกตาร์) ซึ่งคิดเป็นการประเมิน 100% มีผลการประเมินดังนี้
อย่างไรก็ตาม เราได้ตระหนักถึงความสำคัญในการดำเนินงานของทุกพื้นที่ตั้งของบริษัทโดยได้มีการติดตามการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องอยู่เสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพ โดยในปี 2565 เราดำเนินการสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพไปแล้วร้อยละ 85 และจะไม่ก่อให้เกิดความสูญเสียคุณค่าด้านความหลากหลายทางชีวภาพสุทธิ (No Net Loss: NNL) ภายใต้ขอบเขตที่บริษัทดำเนินการได้ ภายในปี 2573 อีกทั้งยังจัดให้มีกิจกรรมปลูกต้นไม้เป็นประจำทุกปี เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและความหลากหลายทางชีวภาพให้กับพื้นที่อีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทยังนำมาตรฐานแนวทางการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน ISO 20400:2017 มาใช้ในการบริหารจัดการคู่ค้าทั้งทางตรงและทางอ้อม และมีการนำมาตรฐานการผลิตอ้อยและน้ำตาลเพื่อความยั่งยืนบองซูโคร (Bonsucro) มาใช้บริหารเกษตรกร จัดให้มีการประเมินความเสี่ยงคู่ค้าทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อลดผลกระทบต่อการดำเนินงานและสิ่งแวดล้อมตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าของกลุ่มมิตรผล
คลิกเพื่อดูการประเมินความเสี่ยงด้านความหลากหลายทางชีวภาพ
การจัดกิจกรรมด้านความหลากหลายทางชีวภาพ
1. โครงการปลูกป่า
โครงการปลูกป่ากลุ่มมิตรผล เป็นหนึ่งในแนวทางการดำเนินงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในการดูดซับก๊าซเรือนกระจก และสนับสนุนเป้าหมายการก้าวสู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ในปี 2573 และองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2593 ซึ่งเป็นเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ของกลุ่มมิตรผล
โครงการปลูกป่ากลุ่มมิตรผล มีเป้าหมายในการปลูกต้นไม้จำนวน 4 ล้านต้น ในระยะเวลา 10 ปี (พ.ศ.2565 - พ.ศ.2575) โดยแบ่งสัดส่วนเป็นการปลูกป่าร่วมกับหน่วยงานภายนอกองค์กร 85% และปลูกป่าในพื้นที่ของกลุ่มมิตรผล เกษตรกร และชุมชน 15% ภายใต้งบประมาณดำเนินโครงการทั้งหมด 100 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมการเพิ่มพื้นที่สีเขียว และสร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรและชุมชนจากระบบการจัดเก็บคาร์บอนเครดิตในป่าไม้
ผลการดำเนินงานโครงการปลูกป่า กลุ่มมิตรผล ประจำปี 2565
โครงการปลูกป่ากลุ่มมิตรผลจะนำไปสู่การสร้างผลลัพธ์ในการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกระยะยาวต่อผู้คน ธรรมชาติ และสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการเพิ่มจำนวนพื้นที่สีเขียวที่จะช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจก และสามารถต่อยอดไปสู่การขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิตเพื่อเข้าสู่ระบบการเก็บและซื้อ-ขาย คาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ เป็นการสร้างรายได้เพิ่มให้กับเกษตรกรผู้ปลูก ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างทัศนคติที่ดี มีแรงจูงใจ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการมีส่วนร่วมดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนในอนาคต
บริษัทยังมุ่งมั่นในการดําเนินธุรกิจโดยปราศจากผลกระทบต่อพื้นที่ป่าไม้สุทธิ โดยจะดําเนินการฟื้นฟูหรือปลูกป่าไม้เพื่อชดเชยการสูญเสียป่าไม้จากการดําเนินการในปัจจุบันหรือการดําเนินธุรกิจในอนาคต กลุ่มมิตรผลได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบของป่าไม้และเขตอนุรักษ์ของประเทศไทยและองค์กรระหว่างประเทศ และติดตามการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างสม่ำเสมอ โดยในปี 2565 การจัดหาวัตถุดิบหลักของกลุ่มมิตรผล มาจากพื้นที่ที่ปราศจากการตัดไม้ทำลายป่า อีกทั้งเรายังได้มีการตั้งเป้าหมายการจัดซื้อวัตถุดิบอ้อยสดเป็น 100% ภายในปี 2567
2. โครงการสำรวจเพื่อติดตามความหลากหลายทางชีวภาพตาม EIA
จากการประเมินความใกล้เคียงของพื้นที่ตั้งโรงงานกับพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพของบริษัท พบว่ามี จำนวน 3 พื้นที่ ซึ่งตั้งโรงงานอยู่ใกล้กับพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญตามที่กำหนดในประเทศไทย บริษัทจึงได้ดำเนินมาตรการติดตามและตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างรอบด้าน
ตัวอย่างมาตรการติดตามและตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างรอบด้าน
2.1 โรงงานน้ำตาลมิตรภูหลวง ได้ดำเนินโครงการสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่โครงการและรอบโครงการในรัศมี 5 กิโลเมตร ตั้งแต่ปี 2555 – ปี 2565 ซึ่งมีการสำรวจทรัพยากรป่าไม้ เช่น ความหลากหลายของชนิดพรรณไม้ ความหนาแน่นของต้นไม้ และสำรวจทรัพยากรสัตว์ป่าในด้านความหลากหลายชนิดพันธุ์ ระดับความชุกชุม และสถานภาพของสัตว์ป่าในแต่ละชนิด นอกจากนั้นแล้วยังทำการสำรวจสถานภาพสัตว์ป่าที่ได้รับการคุ้มครอง และสถานภาพการอนุรักษ์ตามเกณฑ์พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และเกณฑ์องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (International Union of Conservation of Nature – IUCN) เมื่อพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สามารถสรุปได้ดังนี้
คลิกเพื่อดูความเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพที่เกิดขึ้นในปี 2556-2565
นอกจากนี้ทางโรงงานมีการจัดทำแผนกิจกรรมสร้างสิ่งแวดล้อมให้มีความหลากหลายทางชีวภาพให้คงอยู่ ในระยะยาวทั้งภายใน และภายนอกองค์กร 5 ปี ดังนี้
2.2 โรงไฟฟ้าชีวมวล มิตรผล ไบโอ เพาเวอร์ (อำนาจเจริญ) ได้ดำเนินโครงการสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่โครงการของบริษัทตั้งแต่ปี 2564 – ปี 2565 โดยได้ทำการสำรวจทรัพยากรป่าไม้ เช่น ความหลากหลายของชนิดพรรณไม้ ความหนาแน่นของต้นไม้ และสำรวจทรัพยากรสัตว์ป่าในด้านความหลากหลายชนิด ระดับความชุกชุม และสถานภาพของสัตว์ป่าในแต่ละชนิด นอกจากนั้นแล้วยังทำการสำรวจสถานภาพสัตว์ป่าที่ได้รับการคุ้มครอง และสถานภาพการอนุรักษ์ตามเกณฑ์พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และเกณฑ์องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (International Union of Conservation of Nature – IUCN) เมื่อพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาและเทียบกับผลสำรวจรายงาน EIA ฉบับสมบูรณ์ปี 2560 สามารถสรุปได้ดังนี้
กิจกรรมการสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ บริษัท มิตรผล ไบโอ เพาเวอร์ (อำนาจเจริญ) จำกัด
3. โครงการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพร่วมกับคู่ค้า
บริษัท พาเนลพลัส จำกัด บริษัทในกลุ่มมิตรผล ได้เห็นความสำคัญของการรับรองการจัดการสวนป่าอย่างยั่งยืนตามข้อกำหนดของ FSC ซึ่งเป็นแนวทางที่ก่อให้เกิดความยั่งยืนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบริษัท จึงได้ในการดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ป่าชุมชน อ.นาทวี และ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา รวมถึงแปลงสวนยางพาราสมาชิก FSC ซึ่งมีพื้นที่ป่าชุมชนได้ลงนามบันทึกข้อตกลงเข้าร่วมเป็นพื้นที่อนุรักษ์ของโครงการฯ 3 พื้นที่ ได้แก่ ป่าชุมชนบ้านทุ่งหัวเมือง ป่าชุมชนบ้านต้นไทร และป่าชุมชนบ้านช่องเขา คิดเป็นพื้นที่อนุรักษ์ จำนวน 2,393 ไร่ ด้วยความร่วมมือของโครงการฯและชุมชนได้เข้าไปช่วยดูแลและรักษาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม
สำหรับแผนการดำเนินโครงติดตามกิจกรรม ป่าชุมชนและแปลงสวนยางพาราสมาชิก FSC กำหนดให้มีการสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ป่าชุมชนทุกๆ 5 ปี และทุกๆ 3 ปี สำหรับแปลงสวนยางพาราสมาชิก FSC โดยมีผลการสำรวจความหลากหลาย และกิจกรรมการอนุรักษ์ดังนี้
3.1 พื้นที่ป่าชุมชนทุ่งหัวเมือง ตำบลท่าประดู่ อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา พื้นที่อนุรักษ์ 1,065 ไร่
บริเวณป่าชุมชนทุ่งหัวเมือง ตำบลท่าประดู่ อาเภอนาทวี จังหวัดสงขลา มีลักษณะเป็นสันทรายชายฝั่งโบราณ และมีการดูแลโดยชุมชน ซึ่งมีการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วนได้แก่ พื้นที่ป่าปลูก พื้นที่สังคมพืชชุ่มน้ำ และพื้นที่สังคมพืชย่อยอื่นๆพื้นที่ป่าชุมชนทุ่งหัวเมืองแบ่งพื้นที่การใช้ประโยชน์ เป็น 4 พื้นที่ ประกอบด้วย พื้นที่ป่าเพื่อการอนุรักษ์ ประกอบด้วยป่าชุ่มน้ำ ป่าสน และสังคมพืชอื่นๆ, พื้นที่ป่าปลูก โดยพืชที่ปลูกต้นยางนาเป็นส่วนใหญ่, บ่อน้ำ และพื้นที่อนุญาตให้ชุมชนเข้ามาทำการเกษตร
โดยในปี 2565 พื้นที่ดังกล่าวได้มีการสำรวจความหลากลายทางชีวภาพของพรรณไม้ และสัตว์ โดยนักวิชาการกรมป่าไม้
ลงนามบันทึกข้อตกลง (ดำเนินการตั้งแต่ปี 2559) |
สำรวจพันธุ์พืชพันธุ์สัตว์ในป่าชุมชนทุ่งหัวเมือง |
ประชุมและทำกิจกรรมร่วมกับชุมชน |
แผนงานในการดำเนินโครงการมีดังนี้
3.2 พื้นที่ป่าชุมชนป่าชุมชนบ้านต้นไทร ตำบลท่าปลักหนู อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา พื้นที่อนุรักษ์ 1,033 ไร่
ป่าชุมชนบ้านต้นไทรมีพื้นที่ประมาณ 1,033 ไร่ พื้นที่มีลักษณะเป็นภูเขาชื่อว่าเขาควนเขาวัง ยอดเขาสูงประมาณ 150 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นแหล่งต้นน้ำของคลองปลักเปรี๊ย ดินจะมีลักษณะเป็นดินร่วน ดินเหนียว หรือดินเหนียวปนทราย ส่วนลักษณะหินเป็นพวกหินปูน และหินแกรนิตเป็นส่วนใหญ่ สภาพป่าไม้ค่อนข้างมีความอุดมสมบูรณ์ พื้นที่รอบๆป่า เป็นสวนยางพารา
สำรวจและติดตามความหลากหลายของพันธุ์ไม้และสัตว์ป่าในพื้นที่ป่าชุมชนบ้านต้นไทร
สำรวจลาดตระเวนพื้นที่ป่าชุมชนบ้านต้นไทร เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้มีการบุกรุกตัดต้นไม้
แผนงานในการดำเนินโครงการมีดังนี้
3.3 ป่าชุมชนบ้านช่องเขา อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา พื้นที่อนุรักษ์ 398.96 ไร่
ป่าชุมชนบ้านช่องเขามีลักษณะเป็นเขาหินปูน สภาพป่าเป็นป่าดิบชื้น มีสภาพป่าค่อนข้างสมบูรณ์ เป็นที่อาศัยของสัตว์ป่า โดยเฉพาะค้างคาวสามารถพบเห็นได้ทั่วไป ป่าชุมชนบ้านช่องเขา อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าควนทับช้าง มีลักษณะเป็นเขาหินปูน ทอดตัวใปในทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เนื่องจากเป็นเขาหินปูน ชั้นหินปูนเกิดการกัดกร่อน เนื่องจากแคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3) ที่เป็นส่วนประกอบอยู่ในเนื้อหิน เมื่อน้ำฝนตกลงมา จึงทำให้ป่าชุมชนบ้านช่องเขามีถ้ำขนาดเล็กเกิดขึ้น
การใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชุมชนบ้านช่องเขาชาวบ้านมีการเก็บหาของป่า เช่น น้ำผึ้งป่า หน่อไม้ เก็บเห็ดเป็นต้น และพื้นที่ป่าชุมชนบ้านช่องเขาเป็นพื้นที่ที่มีถ้ำและมีค้างคาวอาศัยอยู่ จึงทำให้ชาวบ้านใช้ประโยชน์จากมูลค้างคาวได้อีกด้วย
การสำรวจรอบป่าชุมชนบ้านช่องเขา
แผนงานในการดำเนินโครงการมีดังนี้
การประยุกต์ใช้หลักการบรรเทาผลกระทบตามลำดับขั้น (Mitigation Hierarchy Principle)